อัปปนาโกศล ๑๐ ประการ ให้บริบูรณ์ในสันดาน วตฺถุวิสทตา คือกระทำให้วัตถุภายในภายนอกสละสลวยนั้นประการ ๑ นิมิตตฺตกุสลตา ให้ฉลาดในนิมิตนั้นประการ ๑ กระทำให้อินทรีย์เสมอกันประการ ๑ เห็นว่าจิตควรจะยกย่องก็พึงยกย่องประการ ๑ เห็นว่าจิตควรข่มก็พึงข่มเสียประการ ๑ เห็นว่าจิตควรจะเพ่งดูก็พึงเพ่งดูประการ ๑ พึงเว้นเสียซึ่งบุคคลที่มีจิตมิได้ตั้งมั่นประการ ๑ พึงเสพซึ่งบุคคลที่มีจิตตั้งมั่นประการ ๑ พึงรักใคร่ยินดีในอัปปนาสมาธินั้นประการ ๑ สิริเป็นอัปปนาโกศล ๑๐ ประการ ที่ว่าให้กระทำวัตถุภายในภายนอกให้สละสลวยนั้นจะให้ทำเป็นประการใด อธิบายว่ากระทำวัตถุภายในให้สละสลวยนั้น คือให้ปลงให้ตัดเสียซึ่งผมอันยาว ขนอันยาว เล็บอันยาว เมื่อจะเข้านั่งนั้น ให้อาบน้ำชำระกายให้ปราศจากเหงือและไคลก่อนจึงนั่งที่ว่ากระทำวัตถุภายในภายนอกให้สละสลวยนั้นคือ ให้สุผ้าย้อมผ้า อย่าให้ผ้านั้นเศร้าหมองเหม็นสาบเหม็นไอ เสนาสนะนั้นก็พึงปัดกวาดให้ปราศจากหยากเยื่อเชื้อฝอยทั้งปวง
เมื่อวัตถุภายในแลภายนอกสละสลวยดีแล้ว ขณะเมื่อนั่นนั้นจิตแลเจตสิกก็จะสละสลวย ปัญญาก็จะสละสลวยจะรุ่งเรือง มีอุปมาดุชเปลวประทีปอันได้กระเบื้องดีน้ำมันดีไส้ดีแล้วแลรุ่งเรือง เมื่อปัญญาสละสลวยรุ่งเรืองบริสุทธิ์ดีแล้ว แลพิจารณาสังขาร ๆ ก็จะปรากฏแจ้งพระกรรมฐานก็ถึงซึ่งเจริญแลไพบูลย์ ถ้ากระทำวัตถุภายในภายนอกมิได้สละสลวย คือมิได้ชำระเสียซึ่งเล็บยาวผมยาวขนยาว ผ้านุ่งผ้าห่มก็ละไว้ให้เศร้าหมองเหม็นสาบเหม็นไอ เสนาสนะก็ไม่ปัดไม่กวาด เมื่อจะนั่งเล่าก็มิได้อาบน้ำชำระกายหมักเหงือหมักไคล เมื่อกระทำดังนั้นจิตแลเจตสิกจะมิได้สละสลวย ปัญญาก็มิได้สละสลวยจะมิได้รุ่งเรือง มีอุปมาดุจเปลวประทีบอันได้กระเบื้องชั่วน้ำมันไส้ชั่ว แลมิได้รุ่งเรืองนั้น ครั้นปัญญามิได้รุ่งเรือง มิได้บริสุทธิ์แล้ว แลพิจารณาสังขารจะมิได้ปรากฏแจ้ง พระกรรมฐานมิได้เจริญไพบูลย์
เหตุฉะนี้กุลบุตรผู้จะเรียนพระกรรมฐานนั้นพึงกระทำวัตถุภายในภายนอกให้สละสลวย ที่ว่าให้ฉลาดในนิมิตนั้น คือให้ฉลาดที่จะยังนิมิต คือเอกัคคตาจิตอันมิได้บังเกิดนั้นให้บังเกิด นิมิตที่บังเกิดแล้วนั้นก็ให้ฉลาดที่จะรักษาไว้ อย่าให้อุคคหนิมิตแลปฏิภาคนิมิตที่ตนได้นั้นเสื่อมสูญเสีย