จักวินิจฉัยใน จาคานุสสติกรรมฐานสืบต่อไป จาคานุสฺสติภาเวตุกาเมน ฯลฯ จาโค อนุสฺสริตพฺโพ พระโยคาพจรผู้มีศรัทธาปรารถนาจะจำเริญจาคานุสสติกรรมฐานนั้น พึงมีจิตรักใคร่ในจำแนกแจกทานให้เป็นนิตย์เป็นต้นเป็นเดิม นัยหนึ่งว่า เมื่อปรารถนาจะจำเริญจาคานุสสติกรรมฐานนั้น ให้ตั้งจิตของตนว่า จำเดิมแต่วันนี้ไปเมื่อปฏิคาหกผู้จะรับทานมี ถ้าอาตมาไม่ได้ให้ทานโดยกำหนดเป็นที่สุด แต่ข้าวคำหนึ่งก่อนแล้ว อาตมาก็จักมิได้บริโภคเลยเป็นอันขาด ในวันจะจำเริญจาคานุสสติกรรมฐานนั้น ให้พระโยคาพจรจำแนกแจกทานแก่ปฏิคาหก อันทรงซึ่งคุณอันวิเศษ แล้วพึงเอานิมิตในทางที่ตนให้ คือกำหนดอาการอันเป็นไปด้วยบริจากเจตนานั้น
ครั้นแล้วเข้าสู่เสนาสนะอันสงัด มีนัยดังกล่าวแล้วแต่หนหลัง พึงระลึกซึ่งบริจากของตนด้วยสามารถกอปรด้วยคุณ มีปราศจากตระหนี่เป็นต้นด้วยพระบาลีว่า ลาภา วต เม สุลทฺธํ วต เม โยหํ มจฺเฉรมลปริยุฏิตายปชาย วิคตมลมจฺเฉเรน เจตสา วิหรามิ มุตฺตจาโค ปยตปาณี โวสฺสคฺครโต ยาจโยโค ทานสํวิภาครโต อรรถาธิบายในบาลีนี้ว่า บุญลาภแห่งทายกผู้บำเพ็ญทานนั้น สมเด็จพระผู้มีพระภาคย่อมตรัสสรรเสริญโดยการเป็นอันมาก บุญลาภนั้นได้ชื่อว่าเป็นของอาตมาบังเกิดแก่อาตมาประการ ๑
ความสั่งสอนอันสมเด็จพระผู้มีพระภาคโปรดประทานไว้นั้นก็ดี กิริยาที่อาตมาได้บังเกิดมาเป็นมนุษย์ก็ดี สุลทฺธํ วต ได้ชื่อว่าอาตมาได้เป็นอันดียิ่งนัก เพราะเหตุว่า สัตว์โลกทั้งปวงมีสันดานมากไปด้วยมลทิน คือมัจฉริยะ ๆ ครอบงำไว้ แลอาตมาอยู่บัดนี้ด้วยปราศจากมลทินคือตระหนี่ มุตฺตจาโค อาตมามีบริจากอันสละแล้ว ปยตปาณี มีมืออันล้างอยู่เป็นนิตย์ เพื่อประโยชน์จะคอยหยิบไทยทานโดยเคารพ โวสฺสคฺครโต อาตมานี้ควรแก่กิริยาอันยาจกมาขอ อธิบายว่าถ้ามียาจกมาขอสิ่งใดอาตมาก็จะให้สิ่งนั้น ทานสํวิภาครโต อาตมามีจิตยินดีในทานยินดีในการจำแนกอธิบายว่ากิริยาที่ให้สิ่งของอันตนแต่งไว้ เพื่อจะให้แก่ปฏิคาหกนั้นเรียกว่าทาน แลสิ่งของที่ตนจะบริโภคนั้น ถ้าหยิบออกให้เรียกสังวิภาค เมื่อพระโยคาพจรระลึกซึ่งบริจากแห่งตนโดยนิยมดังนี้ ก็จะมีคุณานิสงส์ดุจกล่าวแล้วในพุทธานุสสตินั้น
ความยินดีที่จะบริจากทานนั้น จะวัฒนาการขึ้นไปกว่าเก่า อัธยาศัยนั้นจะปราศจากโลภจิต จักอนุโลกมตามเมตตา มิได้ย่อหย่อนที่จะบริจากทาน สันดานจะมากไปด้วยปรีดาปราโมทย์ แม้ถึงว่ามิสำเร็จพระอริยมรรคพระอริยผลในชาตินั้น ทำลายเบญขันธ์ก็จะมีสุคคติเป็นเบื้องหน้า เหตุฉะนี้นักปราชญ์ผู้มีปรีชาอย่าพึงประมาทในจาคานุสสติกรรมฐาน อันมีคุณานิสงส์ดังแสดงมานี้ ฯ
จบจาคานุสสติกรรมฐานแต่เท่านี้
จักวินิจฉัยในเทวตานุสสติสืบต่อไป เทวตานุสฺสติ ภาเวตุกาเมน ฯลฯ อนุสฺสริตพฺพา พระโยคาพจรผู้มีศรัทธาปรารถนาจะจำเริญเทวตานุสสติกรรมฐานนั้น พึงประพฤติจิตสันดานให้กอปรด้วยคุณธรรม คือศรัทธาแลศีลแลสุตะแลจาคะแลปัญญาเข้าสู่ที่สงัดแล้ว พึงตั้งเทพยดาไว้ในที่เป็นพยาน ระลึกถึงเทพยดาอันกอปรด้วยคุณมีศรัทธาเป็นต้นว่า สนฺติเทวา จาตุมหาราชิกา เทพยดาอันอยู่ในชั้นจาตุมหาราชิกาดวงดึงษา ยามาดุสิตา นิมมานนรดี ปรนิมมิตวสวดีนั้น ๆ ก็ดีเทพยดาอันอยู่ในพรหมโลกก็ดี เมื่อเป็นมนุษย์นั้นกอปรด้วยศรัทธา จุติจากมนุษย์แล้วจึงได้ขึ้นไปบังเกิดในสวรรค์เทวโลก แลศรัทธาของอาตมานี่ก็เหมือนศรัทธาแห่งเทพยดาเหล่านั้น
อนึ่งเทพยดาทั้งปวงนั้นเมื่อเป็นมนุษย์กอปรด้วยศีลอุตสาหะ สดับฟังพระธรรมเทศนาและบริจากทาน กอปรด้วยสติปัญญาจุติจากอนุษย์แล้วจึงได้ขึ้นไปบังเกิดในเทวดา อาตมานี้กอปรด้วยศีล สุตะ จาตะ จาคะ ปัญญา เหมือนด้วยเทพยดาเหล่านั้น เมื่อตั้งไว้ซึ่งเทพยดาในที่เป็นพยานดังนี้แล้ว ก็พึงระลึกถึงศรัทธาคุณ ศีลคุณ สุตคุณ จากคุณ ปัญญาคุณ ของตนเนือง ๆ ตกว่าระลึกเอาศรัทธาทิคุณของเทพยาดาเป็นพยานก่อนแล้ว จึงจะระลึกถึงศรัทธาทิคุณของตนต่อภายหลัง พระโยคาพจรผู้ประกอบเนือง ๆ ซึ่งเทวตานุสสติกัมมัฏฐานดังนี้ จะเป็นที่รักแห่งเทพยาดาเป็นอันมากจะมีคุณานิสงส์เป็นอันมาก ดุจกล่าวแล้วในพุทธานุสสติกัมมัฏฐาน
เหตุดังนั้นนักปราชญ์ผู้มีปรีชาพึงอุตสาหะจำเริญเทวดานุสสติกัมมัฏฐานจงเนือง ๆ เถิด ฯ
จบเทวตานุสสติกัมมัฏฐานแต่เท่านี้