มงคลที่ ๕
๕ ปุพเพ จะ กะตะปุญญะตา เอตัมมังคะละมุตตะมัง
ความเป็นผู้ทำบุญไว้ในปางก่อน เป็นอุดมมงคล

    บัดนี้ จะได้วิสัชนาในมงคลที่ ๕ ตามพระบาลีว่า เย ชะนา อารัภพะอุปะจิตะกุสะลา ปุพเพกะตะปุญญะตา นามะ อะโหสิ อธิบายความว่า ชนทั้งหลายเหล่าใด แต่ชาติก่อน มีความเพียรก่อสร้างสั่งสอนกองการกุศลทั้งหลายมีการให้ทานข้าวน้ำเป็นต้น และศีล ความสำรวมกายวาจา และภาวนาความเจริญพระกรรมฐาน และการฟังพระสัทธรรมเทศนา และทำการบูชา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นต้น

   ชื่อว่า ปุพเพกตะปุญญะตา มีบุญอันบุคคลได้กระทำแล้วในกาลก่อน จัดเป็นมงคลความเจริญอันประเสริฐ อีกนัยหนึ่งว่า บุคคลทั้งหลายมีความปรารถนาพุทธภูมิ ปัจเจกภูมิ สาวกภูมิเป็นต้น ย่อมสร้างสมกองการกุศลช้านานเป็นอเนกชาติ ก็ชื่อว่าปุพเพกะตะปุญญะตา มีบุญอันบุคคลได้กระทำแต่กาลนาน ความว่า บุคคลทั้งหลายได้สร้างกุศลมาแต่ชาติก่อน ย่อมให้สำเร็จสมบัติทั้ง ๓ คือ มนุษย์สมบัติ เป็นกษัตริย์อันประเสริฐ สวรรคสมบัติ เป็นเทพบุตรเทพธิดา เสวยสุขอยู่ในกามาพจรทั้ง ๖ ชั้น นิพพานสมบัติ ที่ตัดซึ่งอวิชชาตัญหาฆ่ากิเลสตายคลายกิเลสทิ้ง เห็นของจริงคืออนัตตา

   สมบัติทั้ง ๓ จะมีมาก็อาศัยกุศลแต่ชาติก่อน กุศลแต่ชาติก่อนไม่มีแล้ว ก็แคล้วคลาดจากสมบัติทั้ง ๓ ไม่สำเร็จความปรารถนาทั้งสิ้น จะทำนาข้าวกล้าก็แห้งตาย จะค้าขายก็ขาดทุน จะพึ่งท่านผู้มีบุญท่านก็เบือนหน้าหนี เพราะกุศลแต่ชาติก่อนของตน ๆ ไม่มีแต่หนหลัง เราท่านทั้งหลายได้ยินได้ฟัง จงมีจิตคิดก่อสร้างการกุศล จะได้เป็นเสบียงเลี้ยงตนไปในชาติหน้า ด้วยสมเด็จพระศาสดาทรงตรัสเทศนาว่า ปุพเพกะตะปุญญะตา บุคคลใดแต่ชาติก่อนได้สร้างกุศลไว้ ย่อมเป็นนิสัยทางมรรคผลแก่บุคคลนั้นด้วยกุศลเก่าให้กำลังแก่กุศลใหม่ กุศลเก่าเหมือนมรดกตามมาหลายชั่วตระกูล ย่อมจะบริบูรณ์ยึดยาวนานกาลถาวร กุศลใหม่มีกำลังอ่อนไม่ถาวรวัฒนาการจะสำเร็จมรรค นิพพาน ก็ด้วยกุศลหนหลัง...

            ย้อนกลับ         ปิดหน้านี้         ถัดไป