จิ. เจ. รุ. นิ.
หัวใจพระอภิธัมมัตถสังคหะ ๙

    ๔ คำนี้ โบราณเรียกว่า เป็นหัวใจพระอภิธัมมัตถสังคหะ ๙ ปริจเฉท
          จิ. หมายความว่า “ จิต ” ฯ
          เจ. หมายความว่า “ เจตสิก ” ฯ
          รุ. หมายความว่า “ รูป ” ฯ
          นิ. หมายความว่า “ นิพพาน ”

มงคลสูตรอรรถแปล ๓๘ ประการ

   เอวัมเม สุตัง ฯ เอกัง สะมะยัง ภะคะวา สาวัตถิยัง วิหะระติ เชตะวะเน อะนาถะปิณฑิกัสสะ อาราเม ฯ อะถะโข อัญญะตะรา เทวะตา อะภิกกันตายะ รัตติยา อะภิกกันตะวัณณา เกวะละกัปปัง เชตวะนัง โอภาเสตตะวา เยนะ ภะคะวา เตนุปะสังกะมิ อุปะสังกะมิตตะวา ภะคะวันตัง อะภิวาเทตตะวา เอกะมันตัง อัฎฐาสิ ฯ เอกะมันตัง ฐิตา โข สา เทวะตา ภะคะวันตัง คาถายะ อัชฌะภาสิ

    ข้าพเจ้า ( คือ พระอานนทเถระ ) ได้สดับมาแล้วอย่างนี้ สมัยหนึ่ง สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จประทับอยู่ที่พระเชตวันวิหารอารามของอนาถบิณฑกเศรษฐี ใกล้เมืองสาวัตถี ครั้งนั้นแล เทพดาองค์ใดองหนึ่ง ครั้นเมื่อราตรีปฐมยามล่วงไปแล้ว มีรัศมีอันงามยิ่งนัก ยังพระเชตวันทั้งสิ้นให้สว่าง พระผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จประทับอยู่โดยที่ใด ก็เข้าไปเฝ้าโดยที่นั้น ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้ว จึงถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วได้ยืนอยู่ที่สมควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นเทพยดานั้นยืนอยู่ในที่ีสมควร ส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยคาถาว่า

    พะหุ เทวา มะนุสสา จะ มังคะลานิ อะจินตะยุง

   อากังขะมานา โสตถานัง พรูหิ มังคะละมุตตะตัง ฯ

   หมู่เทวดาและมนุษย์เป็นอันมาก ผู้หวังความสวัสดี    ได้คิดหามงคลทั้งหลาย ขอพระองค์จงทรงเทศนามงคลอันสูงสุด.

   อะเสวะนา พาลานัง ปัณฑิตานัญจะ เสวะนา
 ปูชา จะ ปูชะนียานัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ
 ความไม่คบคลพาลทั้งหลาย ๑ ความคบบัณฑิตทั้งหลาย ๑
 ความบูชาชนที่ควรปูชาทั้งหลาย ๑ ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด.

   ปะฎิรูปะเทสะวาโส จะ ปุพเพ จะ กะตะปุญญะตา
  อัตตะสัมมาปะณิธิ จะ เอตัมมังคะละมุตตมัง ฯ
  ความอยู่ในประเทศอันสมควร ๑
  ความเป็นผู้มีบุญอันทำแล้วในกาลก่อน ๑
  ความตั้งตนไว้ชอบ ๑ ข้อนี้เป็นมงคลสูงสุด.

   พาหุสัจจัญจะ สิปปัญจะ วินะโย จะ สุสิกขิโต
  สุภาสิตา จะ ยา วาจา เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ
  ความได้ฟังแล้วมาก ๑ ศิลปศาสตร์ ๑
  วินัยอันชนศึกษาดีแล้ว ๑
  วาจาอันชนกล่าวดีแล้ว ๑ ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด.

   มาตาปิตุอุปัฎฐานัง ปุตตะทารัสสะ สังคะโห
  อะนากุลา จะ กัมมันตา เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ
  ความบำรุงมารดาและบิดา ๑ ความสงเคราะห์ลูกและเมีย ๑
  การงานทั้งหลายอันไม่อากูล ๑ ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด.

   ทานัญญะ ธัมมะจะริยา จะ ญาตะกานัญจะ สังคะโห
  อะนะวัชชานิ กัมมานิ เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ
  ความให้ ๑ ความประพฤติธรรม ๑
  ความสงเคราะห์ญาติทั้งหลาย ๑
  กรรมทั้งหลายอันไม่มีโทษ ๑ ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด.

   อาระตี วิระตี ปาปา มัชชะปานา จะ สัญญะโม
  อัปปะมาโท จะ ธัมเมสุ เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ
  ความงดเว้นจากบาป ๑ ความสำรวมจากการดื่มน้ำเมา ๑
  ความไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย ๑ ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด.

   คาระโว จะ นิวาโต จะ สันตุฎฐี จะ กะตัญญุตา
 กาเลนะ ธัมมัสสะวะนัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ
 ความเคารพ ๑ ความไม่จองหอง ๑ ความยินดีด้วยของอันมีอยู่ ๑
 ความเป็นผู้รู้อุปการะอันท่านทำแล้วแก่ตน ๑
  ความฟังธรรมโดยกาล ๑ ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด.

   ขันตี จะ โสวะจัสสะตา สะมะณานัญจะ ทัสสนัง
 กาเลนะ ธัมมะสากัจฉา เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ
 ความอดทน ๑ ความเป็นผู้ว่าง่าย ๑
  ความเห็นสมณะทั้งหลาย ๑
 ความเจรจาธรรมโดยกาล ๑ ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด.

   ตะโป จะ พรหมะจะริยัญจะ อะริยะสัจจานะ ทัสสะนัง
 นิพพานะสัจฉิกิริยา จะ เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ
 ความเพียรเผากิเลส ๑ ความประพฤติอย่างพรหม ๑
 ความเห็นอริยสัจทั้งหลาย ๑ ความทำพระนิพพานให้แจ้ง ๑
  ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด....

   ผุฎฐัสสะ โลกะธัมเมหิ จิตตัง ยัสสะ นะ กัมปะติ
 อะโสกัง วิระชัง เขมัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ
 จิตของผู้ใดอันโลกธรรมทั้งหลายถูกต้องแล้ว ย่อมไม่หวั่นไหว
 ไม่มีโศก ปราศจากธุลี เกษม ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด.

   เอตาทิสานิ กัตตะวานะ สัพพัตถะมะปะราชิตา
 สัพพัตถะ โสตถิง คัจฉันติ ตันเตสัง มังคะละมุตตะมันติ
 เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลาย กระทำมงคลทั้งหลาย เช่นนี้แล้ว
 เป็นผู้ไม่พ้ายแพ้ในที่ทั้งปวง ย่อมถึงความสวัสดีในที่ทั้งปวง
 ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด ของเทพยดาและมนุษย์ทั้งหลายเหล่านั้นแล.
  มังคะละสุตตัง นิฎฐิตัง ฯ จบมงคลสูตร.

            ย้อนกลับ         ปิดหน้านี้         ถัดไป