มงคลที่ ๓
ปูชา จะ ปูชะนียา นัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง
การบูชาผู้ที่ควรบูชา เป็นอุดมมงคล

   บัดนี้จักได้วิสัชนาในมงคลที่ ๓ ตามพระบาลีว่า ปูชานามะ อามิสะปูชา ปะฎิปัตติวเสนะ ทุวิธา โหติ อธิบายความว่า บุคคลใดได้ทำการสักการบูชาแก่วัตถุที่ควรบูชา มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นต้น จัดเป็นมงคลอันประเสริฐ เป็นบ่อเกิดปุญญสัมปทา การบูชามี ๒ อย่างคือ อามิสบูชา ๑ ปฎิปัตติบูชา ๑ อามิสบูชานั้นได้แก่วัตถุต่าง ๆ มีดอกไม้ธูปเทียนของหอมและข้าวน้ำ ผ้านุ่ง ผ้าห่ม เสื่อสาดอาสนะเป็นต้น และสร้างวัดวาอาราม โบสถ์ วิหาร และศาลาอาศัย ขุดสระขุดบ่อก่อถนน สร้างพระพุทธรูปพระสถูปเจดีย์เหล่านี้เรียกว่า อามิสบูชา

    ปฎิบัติบูชานั้น คือ รักษาพระไตรสรณคมน์ รักษาศีล ๕ ศีล ๘ กรรมบท ๑๐ ศีล ๒๒๗ และเจริญพระกรรมฐาน คือ สมถะและวิปัสสนา เล่าเรียนพระสูตร พระวินัย พระปรมัตถ์ ยกข้อปฎิบัติ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา เหล่านี้เรียกว่า ปฎิบัติบูชา ฯ

   อนึ่ง วัตถุที่ควรจะบูชานั้น คือ พระพุทธเจ้า ผู้ตรัสรู้ซึ่งธรรมด้วยตนเอง แล้วสั่งสอนผู้อื่นได้ด้วย ๑ พระปัจเจกโพธิเจ้าผู้รู้ซึ่งธรรมด้วยตนเอง แล้วสั่งสอนผู้อื่นไม่ได้ ๑ พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า คือ พระสูตร ๑ พระวินัย ๑ ประปรมัตถ์ ๑ กับทั้งข้อปฎิบัติ ศีล สมาธิ ปัญญา ๑ พระสงฆ์สาวกผู้ฟังคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ารับข้อปฎิบัติ ศีล สมาธิ ปัญญา จนฆ่ากิเลสตายทำลายกิเลสหลุด ถึงวิมุติมรรคผลยกตนพ้นจากอวิชชาได้ เรียกว่า พระอริยสงฆ์ผู้ทรงพระศาสนา ๑ ทั้ง ๓ นี้ เป็นวัตถุควรบูชาอย่างประเสริฐ เป็นบ่อเกิดแห่งปุญญสัมปทา ยังครูอุปัชฌาย์ที่ให้บวชภิกษุสามเณร สั่งสอนในทางสวรรค์ทางนิพพาน

   และบิดามารดาผู้มีคุณอุดหนุนเลี้ยงรักษาอุ้มอุทร ป้อนข้าวอาบน้ำมาสิ้นกาลนาน และพี่หญิงพี่ชายญาติทั้งหลาย มีลุงป้าน้าอาว์เป็นต้น ที่มีอายุแก่กว่าตน เหล่านี้ เป็นวัตถุควรบูชาทั้งสิ้น และคนที่ควรเคารพ ๓ จำพวก คือ เคารพด้วยอายุแก่กว่าตน ๑ เคารพด้วยมีคุณมีศีลคุณเป็นต้น ๑ เคารพด้วยมีคุณมาก ได้แก่ขุนนางเจ้านายเป็นต้น ๑ ทั้ง ๓ นี้เป็นวัตถุควรบูชา ฯ

            ย้อนกลับ         ปิดหน้านี้         ถัดไป