พออายุได้ ๑๐ ขวบ พี่ชายคนที่ ๒ ของท่านที่บวชเป็นพระที่วัดจิ้งสือเห็นว่าท่านมีบุคลิกใฝ่ธรรมะและปัญญาดี พอที่จะบวชเป็นพระได้ จึงชวนพาไปพักอยู่ในวัดด้วยกัน เด็กน้อยได้รับฟังธรรมเทศนาอันศักดิ์สิทธิ์อยู่เสมอจนซึมซาบเข้าไปในดวงใจอันบริสุทธิ์อย่างแนบแน่น เจ้าหนูอี๋ชอบศึกษาพุทธธรรมยินดีรับฟังธรรมะจากพระชั้นผู้ใหญ่เรื่อยมา ท่านไม่นิยมคบค้ากับเด็กรุ่นเดียวกัน เนื่องจากเห็นว่าพวกเด็กเหล่านั้น ชอบวิ่งเล่นเที่ยวตามย่านตลาด ซึ่งท่านให้ความเห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระเป็นมารยาทที่นักปราชญ์โบราณไม่ทำกัน

     ในขณะที่ท่านมีอายุเพียง ๑๓ ปีนั้น พอดีมีเจ้าพนักงานของราชวงศ์ถังมาคัดเลือกภิกษุสามเณร ๒๗ รูป เพื่อทำการสอบ (ยุคราชวงศ์ถัง การบวชเป็นพระภิกษุจะต้องมีพระราชโองการอนุญาตให้บวช และผู้บวชจะต้องสอบได้จึงจะได้บวช) แต่ท่านมีอายุน้อยอยู่สมัครสอบไม่ได้ ได้แต่ยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูไม่ยอมจากไป ครั้นหัวหน้าคุมสอบเห็นเข้าจึงเดินเข้าไปสอบถาม ก็ได้ความว่าท่านตั้งใจจะบวช แต่อายุยังไม่ครบสมัครสอบไม่ได้ เมื่อถามว่าจะบวชไปทำไม เด็กน้อยตอบไปด้วยความมั่นใจคงว่า บวชเพื่อสืบอายุพระพุทธศาสนาเผยแพร่พระธรรมให้เจริญรุ่งเรือง หัวหน้าคุมการสอบจึงอนุญาตให้ท่านบวชเป็นกรณีพิเศษ เมื่ออายุได้ครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ก็ได้อุปสมบทที่เมืองเสฉวน และมีฉายาว่า “ เฮียนจาง”

     

     เป็นเวลาเกือบสิบปี ที่พระเฮียนจางได้ศึกษาและสนทนาธรรมกับอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงต่าง ๆ หลายคน ก็พบว่าพระเหล่านั้นต่างก็ยึดมั่นความถูกต้องในลัทธิของตน หลัวงจากตรวจสอบกับคัมภีร์แล้วก็ปรากฏว่ามีความแตกต่างกันอีก จนไม่อาจทราบว่าฝ่ายใดถูกกันแน่ ท่านจึงตัดสินใจเดินทางไปศึกษายังถิ่นกำเนิดพุทธศาสนาในอินเดีย พร้อมทั้งอัญเชิญคัมภีร์สัปตทศภูมิศาสตร์มาเป็นหลักฐาน

     พระเฮียนจางจึงได้ชักชวนพระภิกษุทำเรื่องขอพระบรมราชานุญาตจากฮ้องเต้ถังไท่จงเพื่อเดินทางไปอินเดีย แต่มีรับสั่งไม่อนุญาต