คางคกสูบบุหรี่

    พูดกันมานานแล้วว่า มนุษย์ เป็นสัตว์ประเสริฐ มนุษย์เกิดมาได้เพราะกรรม เก่า- กรรมดี มีมากจึงได้มาเกิดเป็นมนษย์ มีโอกาสที่จะได้ทำกรรมดร เพื่อสร้างบารมีให้กับตัวเอง เผื่อว่าสิ้นชีวิตไปเกิดในปรภพภูม อันสมศักดิ์ศรี ไม่ต้องไปเกิดเป็น หมู หมา กา ไก่ ใช้กรมมทีละชีวิต

        พูดถึงสัตว์ ๔ ขา เชื่อว่าทุกคนคงรู้จัก และบางท่านเคยเห็น “ น้ำตา วัว ควาย ” ที่ไหลรินจนเปียกหน้า สัตว์ทุกชนิดไม่มีสิทธิขอชีวิตต่อผู้สังหารมัน สัตว์ที่ว่านี้ ซึ่งในหัวใจถึงกรรมที่เกาะกุมอยู่ มันไม่มีโอกาสร้องโอ้ย..ได้เหมือนผู้คนอย่างเรา ๆ อย่าได้ไปรังแกเขาอีกเลย....เวรกรรมนั้นลงโทษเขาอยู่แล้ว ที่ให้มาเหน็ดเหนื่อยเป็นขี้ข้าหาเลี้ยงคน...

    วัยรุ่น ๒ คน ชื่อ อ้อมกับตั้ม ชื่นชอบกับแกมกีฬาที่ไม่เหมือนใคร คือได้จับสัตว์พวกต่าง ๆ มาทารุนทรมานเป็นที่สนุกสนานแก่สองหนุ่มวัยคนองอย่างยิ่ง โดยมิได้นึกถึงเวรกรรมและจะคิดว่าสัตว์เหล่านั้นมันก็เจ็บปวดกลัวความตายเหมือนกับพวกเขา     ในวัยเด็ก ๆ นั้นแทบทุกคนจะชื่นชอบในการ ยิงนกตกปลา จับปูนา กบเขียด หรือจับจิ้งหรีด เอามาให้มันกัดกัน สิ่งที่ว่ามานี้เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อกาลเวลาล่วงเลยไป อายุมากขึ้นการทำบาปกรรมรังแกสัตว์ ควรจะน้อยลง

    ความจริงแล้วเด็ก ๆ เปรียบเหมือนผู้คมนักโทษจากตัวเวร กรรมให้ลงโทษสัตว์ ซึ่งครั้งหนึ่งในอดีตเขาเคยเป็นมนุษย์ที่สร้างกรรมไม่ดี แต่ก็มีหลายคนพอเติบโตจนเป็นหนุ่ม ก็ยังมีนิสัยรังแกสัตว์ที่ยังไม่เลิกรา

    อีแร้งที่ลงมากินหมาเน่ากลางทุ่งกลางนาเป็นฝูงนั้น จะมีตัวหนึ่งที่หัวจะมีสีแดง ตำเหน่งเป็นพญาแร้ง สัตว์น่ารังเกียจอย่างนี้ชอบกินซากสัตว์เน่า ๆ แต่ก็มี มนุษย์ใจบาปตามไปรังควานมัน โดยเอาใบตาลมัดด้วยเชือกทำเป็นบ่วงไว้ใกล้ ๆ หมาเน่า ทันทีที่ฝูงอีแร้งรายล้อมหมาเน่า พวกมันไม่เห็นคน อ้อมกับตั้มและพรรคพวกก็กรูกันวิ่งออกจากป่า ที่ซ่อนตัว ส่งเสียงเอะอะตีเกราะเคาะไม้     ฝูงอีแร้งที่ไม่รู้เนือรู้ใต้ต่างตกใจรีบโผบินขึ้นฟ้า แต่มันเป็นนกที่มีน้ำหนักมาก ดังนั้นการบินขึ้นมันจึงต้องการทางวิ่งหรือรันเวย์ ๒ ขาก้าววิ่งด้วยความเร็วสูงขึ้น เมื่อพ้นดิน บินอยู่ในอากาศ มันถึงได้รู้ว่าที่ขาของมันนั้นมีใบตาลผูกเชือกบ่วงรัดไว้ มันตกใจบินสูงขึ้นไปลิ่ว ๆ

    เด็กหนุ่มวัยคะนองทั้งหลายที่ชอบรังแกสัตว์ต่างหัวเราะชอบใจตบมือกระโดดโล้นเต่น เมื่อเห็นใบตาลติดขาอีแร้ง บินลากของหนัก ๆ ไปชั่วชีวิตบินสูงลิ่วขึ้นบนท้องฟ้าคู่กับขาอีแร้ง

    นี่ก็เป็นอีกแกมหนึ่งที่สองหนุ่มชื่นชอบมาก คือจับเอาคางคกมาครั้งละหลาย ๆ สิบตัว แรก ๆ เริ่มเล่นเอาบุหรี่ที่ฉุนจัดจุดใส่ปากคางคก สัตว์ชนิดนี้พอหายใจออกก็พ่นควันบุหรี่ออกด้วย มองดูเหมือนกับคนสูบบุหรี่ หมดบุหรี่เพียงครึ่งมวน คางคกมีอันมึนงงต่อควันบุหรี่ นอนหงายท้องตึงทำตาปริบ ๆ

    เกมนี้มิได้หยุดหย่อนเพียงแค่นี้จากบุหรี่เปลียนเป็นประทัดยัดใส่ปากคางคก เพราะมันสะใจมากกว่ากัน ประทัดเป็นมวนดูเหมือนคางคกมันสูบบุหรี่ ซึ่งมันเองได้แต่ทำตาปริบ ๆ เพราะปล่อยทิ่งก็ไม่ได้ มันขยับปากใช้ขาของมันเขียออก แต่ก็ไร้ผล เพราะประทัดยัดแน่นคับปากด้วยถูกยัดเข้าไปลึก คางคกนิ่งอึดอัด

    ทั้งสองคนจุดประทัดไปที่สายชนวนพู่นั้นจะมีเสียงการเชียร์อย่างสนุกสนานกันอย่างเต็มที่ ชนวนไฟลามสั้นเข้าแค่ไหน ชีวิตคางคกก็สั้นตาม วิญญาณที่ต้องชดให้กรรมจากการเป็นมนุษย์ให้กลับเป็นสัตว์และคงหลายชาติที่คางคกจะได้มาเกิดเป็นมนุษย์ได้     เสียงประทัดแตกดังปัง พร้อมเสียงไชโยไห่ร้องของสองหนุ่มที่สนุกกับชีวิตที่วิงวอนขอชีวิตไม่ได้ ร้องโอย.. ๆ ก็ไม่เป็น เมื่อแรงอัดตัวของประทัดฉีก เศษกระดาษสีแดงส้มฟุ้งกระจายควันตลบ กลิ่นดินประสิวโชยเข้าจมูก ขณะเดียวกันกับวิญญาณที่เกิดมาเป็นคางคกได้ล่องลอยออกจากร่างอย่างน่าสมเพช

    เมื่อหมดเสียงดังจนแสบแก้วหูสิ่งที่ปรกกฏให้เห็นชัดก็คือ ปากขากรรไกรฉีกขาดไปถึงท้อง พุงแตกลำไส้ขาด สุดอนาถนอนคว่ำนอนหงายไปเป็นแถวเป็นแนว

   ไม่มีใครกล้าไปห้ามพวกเขา เพราะ “ กรรมใคร เวรมัน ” ใครได้มาเห็นต่างก็สลดใจ     จากวินาทีนี้เป็นนาที ถึงแม้คนเห็นไม่กี่คนก็ตามที แต่เวรกรรมมันมีจริงและเริ่มตามเป็นเงาเข้ามาอย่างช้า ๆ     เวลาผ่านไปหลายปีอ้อมกับตั้มได้ไปสมัคเป็น อ.ส. ที่จังหวัดสมใจกับที่เขาอยากรับใช้ชาติ ทั้งอ้อมกับตั้มซึ่งโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ลืมเรื่องราวของเกมรังแกอีแร้งกับคางคกคาบประทัดเสียสนิท

    คืนนั้นอ้อมกลับจากมาจากดูหนังขายยาที่วัดเหนือหมู่บ้าน คงจะมีดีกรีเหล้าเข้าไปบ้าง ขณะเดินกลับนั้น การเป็น อ.ส. ย่อมไม่รู้ว่าใครเป็นมิตรหรือศัตรู เขาแกะเอาระเบิดมือชนิดลูกเกลี้ยงมาถือไว้ หากเกิดอะไรขึ้น ลูกแตกระเบิดมือก็ช่วยได้ทัน หรือไม่ก็แลกชีวิตต่อชีวิต จนกลับมาถึงที่พัก     ไม่มีผู้ใดยืนยันได้ว่าเพราะอะไร แต่ระเบิดนั้นกระเดืองหลุดเกิดระเบิดดั่งสนั่นหวั่นไหว ค่ายพักที่เขาพักอยู่นั้นพัง ผาปลิว หลังคาหลุดเป็นแถบ ๆ เมื่อเสียงระเบิดสงบทุกคนที่อยู่ใกล้ ๆ แตกตืนเข้ามาดูก็ได้พบว่า ชิ้นส่วนร่างกายเขาฉีกกระจุยเหมือนหมูบะช่อ ท้องแตกไส้ทะลักกระเด็นไปเกือบถึงเสาธง     หน้าตาเละจนจำไม่ได้ แขนขาขาด สถาพศพใครเห็นก็ต้องเบือนหน้าหนี ถ้าคนตรงนั้นรู้อดีตเขามาก่อนคงพูดว่า

    “ เหมือนคางคกที่ท้องแตกแขนขาขาดกระจุย เช่นเดียวกัน ”

    กรรมติดตามลงโทษคนที่มีจิตใจต่ำทราม โหดร้ายอย่างไม่ยอมลดละ ส่วนอีกคนหนึ่งคือนายตั้มนั้น รู้ข่าวว่าไปได้ภรรยาอยู่อีกจังหวัดหนึ่ง ขอให้เชื่อเถอะว่ากรรมนั้นมีจริง การทำร้ายชีวิตสัตว์ก็เหมือนไปกู้เงินเขามา แน่นอน ผู้รับสภาพเป็นเจ้าหนี้ย่อมติดตามทวงทรัพย์สินตนคืนทุกวิถีทางและรูปแบบอย่าคิดว่าจะพนีพ้นไปได้...

    คนที่ไม่เชื่อเหล่านี้มีแต่เถียงข้าง ๆ คู ๆ ไม่เชื่อเรื่องอะไรทั้งสิ้น โอกาสของเขาจะยิ่งน้อยลงทุกที ๆ ทางที่ดีควรเร่งสร้างทำบุญทำทานรักษาศีลสร้างกรรมดีกันไว้ให้มาก ๆ เพราะกฏของกรรมนั้นไม่เคยที่หยุดหรือละเว้นและอโหสิเวทนาให้แก่ใครเลย...