เต่าวัดพยาบาท


   พรานคงและคนรุ่นเก่า ๆ ให้สัจจะปฏิญาณว่า ถึงจะล่าสัตว์ก็จริง แต่จะไม่ล่าและฆ่าลิง ค่าง บ่าง ชนี เพราะสัตว์เหล่านี้เมื่อถลกหนังออกแล้ว มีสภาพคล้ายเด็กทารกแดง ๆ และเลือกไม่ฆ่า ช้าง เต่า เพราะสัตว์ที่ว่านี้ อายุยืน การฆ่าสัตว์ที่อายุยืนนั้นท่านว่า ...ชดใช้เวรใช้กรรมกันชาติตกนรกหลายขุมนัก

   หลายคนพูดเล่น ๆ ว่า กรรมนั้นมนุษย์สร้างกันแยะเหลือเกินมากเสียจนล้นเมืองนรกแล้ว ยังไงก็ไม่เบาบางลง ดังนั้นเมื่อมนุษย์ยังไม่วางมือจากกรรม ก็ให้กรรมนั้น จัดการลงโทษเสียแต่เมืองมนุษย์เพื่อแบ่งเบาเมืองนรกบ้าง คนที่ไม่เชื่ออาจจะหัวเราะเยอะว่างมงาย พวกโบราณล้าสมัย เป็นความเชื่อของบุคคล เพราะอะไรๆที่ถึงขั้นเป็นเวรเป็นกรรมต่อกันนั้นมักจะทันตาเห็นในชาตินี้ภพนี้นี่แหละ

   นายชาติมีอาชีพเก็บมะพร้าวขาย เพราะพ่อของนายชาติมีที่ดินอยู่หลายไร่ เป็นมรดกจากพ่อแม่ ทิ้งไว้ให้ การหากินเลี้ยงชีพของนายชาติจึงไม่ฝืดเคือง เขาได้แต่งงานกับสาวหมู่บ้านเดียวกันและมีลูกด้วยกัน 2 คน นิสัยของนายชาติค่อนข้างไปทางเกเร ชอบดืมเหล้าเล่นการพนัน พรรคพวกเพื่อนฝูงของนายชาติมีนิสัยคล้ายคลึงกัน

   เป็นความจริงที่ว่า คนดืมเหล้าเก่งมักทำอาหารเก่งและอาหารแปลก ๆ สิ่งที่โปรดปรานมากที่สุดก็คือเต่า สัตว์ที่เคลื่อนไหวได้ช้า ไม่มีอาวุธป้องกันตัว ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร จะเอาเต่าย่างสด หรือว่าจะให้นายชาติทำอย่างไรกับเต่าก็บอกมานายชาติทำได้ทุกอย่าง ขอให้บอกมา การฆ่าเต่าเป็นพฤติกรรมที่แปลก เต่าตะพาบน้ำนั้นนายชาติกินเป็นประจำ วันไหนมีติดตลาดนัด นายชาติจะให้ภรรยาไปเหมาเต่าตัวเล็ก ๆ มา สรุปแล้วเขามีผัดเนื้อเต่า ยำเต่า เป็นกับแกล้มประจำ

   วิธีการทำเต่าเป็น ๆ เอาเนื้อออกจากกระดองนั้น นายชาติจะก่อกองไฟแล้วเผาเต่าทั้งกระดองทั้งตัวความร้อนทำให้เต่าดิ้นทุรนทุราย นายคำจะเอาก้อนหินวาง ทับ เพื่อไม่ให้เต่าหนี จนกระทั้งเต่าตาย

   เคยมีคนถามนายชาติว่า “ อย่างนี้เต่ามันก็ร้อนสิ ” นายชาติตอบว่า “ เออ...ก็ร้อนซิว๊ะ ไม่งั้นเต่ามันจะตายเหรอ ” คำตอบของนายชาติมิได้แสดงถึงความเจ็บปวดที่เต่าได้รับ ตรงกันข้าม กลับกลายเป็นสิ่งที่ภูมใจในการกระทำเสียอีก

   พวกที่ถามต้องส่ายหน้าและแสนที่จะสงสารเต่าที่จะต้องโดนโยนเข้ากองไฟ..... “ เฮ้อ...ไม่น่าทำมันเลย ”

   นายชาติกลับตอบว่า “ ก็ของกินอร่อยนี่หว่า.. .”

   “ ไม่กลัวบาปกลัวกรรมบ้างเหรอ ”

   “ อิ่มโว้ย....บาปกรรมไม่รู้จัก ” เป็นคำตอบที่คนในหมู่บ้านได้ยินเสมอจนชินหู

   ๑ ปีต่อมา เดือน ๑๐ ฤดูน้ำหลาก ทางเหนือจะมีน้ำท่วมเต่าใหญ่ที่มีรูปแกะสลักกระดองด้านหลังไว้เป็นชื่อท่านสมภารคนเก่าซึ่งมรภาพไปแล้ว ลักษณะขนาดของเต่าบ่งบอกถึงอายุเต่าตัวที่ว่านี้มากกว่าอายุนายชาติเสียอีกแน่นอน

   ปีนั้นน้ำเหนือมากจนเต่าตัวนั้นหลุดออกมาจากบ่อ ไม่มีใครรู้ว่าไปไหน ชาวบ้านมีความห่วงเต่าตัวนั้นได้สอบถามยังที่ต่าง ๆ ชาวบ้านถือว่าเต่าตัวนี้เป็นเต่าศักดิ์สิทธิ์ มีคนเคยถูกหวยมาแล้ว เพราะได้มาบนบานกราบไหว้เต่าและก็ได้ผลตามที่ขอกันก็หลายเจ้า พวกที่เคารพเต่าว่าเป็นเต่าศักดิ์สิทธิ์ได้พากันไปบนบานตามเจ้าที่ต่างๆเพื่อว่าให้เต่าตัวนี้ได้กลับมาอยู่ที่วัดเหมือนดังเดิม นายชาติรู้เรื่องนี้ทั้งหมดด้วยความขบขันที่ชาวบ้านเซ่อซ่าในในสายตาของนายชาติยิ่งนัก เพราะที่จริงแล้วนายชาติได้จับเอาเต่าที่ชาวบ้านตามหานั้นมาขังไว้

   บ้านนายชาติไม่ได้ห่างจากวัดสักเท่าไหร่ วันนั้นเขากำลังจับปลาอยู่ในสวน ได้พบเต่าที่หลุดมาจากวัด สิ่งแรกที่คิดก็คือ ผัดเผ็ดเต่า ต้มยำเต่า และเนื้อเค็ม ตามรูปแบบของคนที่ไม่คิดถึงเวรกรรมจะแกล้มเหล่าท่าเดียว เรื่องนี้ก็รู้กันในแวดวงญาติ ๆ ไม่กี่คน ทุกคนไม่เห็นด้วยกับเจตนาที่นายชาติจะฆ่าเต่าเอาเนื้อมากิน ทุกคนห้ามปราม และให้คืนเต่าแก่วัดเสีย

   นายชาติกลับเห็นเป็นเรื่องตลกแทนที่ตามที่ญาติบอก กลับขอร้องทุกคนที่รู้อย่าแพร่งพรายให้รู้เป็นอันขาด และแล้ววันนั้นก็มาถึง

   นายชาติก่อไฟ พร้อมกับมัดเต่าติดกับแป๊บน้ำเหล็กขนาด ๒ นิ้ว ยาวเกือบเมตร เพราะเต่ามีขนาดใหญ่เกือบเท่ากระทะใบบัว ที่ชนบทให้หุงข้าวกระทะ

    ภาพที่ชวนเวทนาคือภาพเต่าถูกนำมาเผาไฟ แบบหมูหัน นายชาติได้พรรคพวกที่ชอบเนื้อเต่ามาร่วมกรรม เพราะคอเหล่าเหมือนกัน

   ไฟนั้นลุกโหมแรง จนเพื่อนนายสินให้ลาไฟเต่าจะไหม้ พร้อมกับลากเต่าออกมาจากกองไฟ แต่ผิดคาด เต่านั้นแสนจะทนทายาท พอพ้นจากการเผาก็เกียกตะกายดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด แสนสาหัส แทนที่นายชาติจะมีจิตเวทนา กลับด่าซ้ำลงไฟอีกว่า

   “ ตายยากนักหรือมึง ... เดี๋ยวรู้เอง ”

   ไม่พูดเปล่า นายชาติผู้มีจิตสุดบาปก็คว้ามีดปาดตาลอันคมกริบหมายจะเชือด แต่เต่ารู้ทันจึงหดหัวอยู่ในกระดองจะทำยังไงมันก็ไม่ยอมโผล่หัวออกมา จนแล้วจนรอด ในที่สุดนายชาติใช้คีบเหล็กขนาดเขื่องแหย่เข้าไป พร้อมกับคีบจมูกเต่าผู้น่าเวทนาออกมา และใช้มีดปาดตาลอันคมกริบเชือดคอเต่าจนขาด เลื่อนพุ่งเป็นน้ำ เต่ายื่นขาดิ้น แต่นายชาติกลับเห็นเป็นเรื่องน่ารำคาญ หลังจากนั้นก็แปรสภาพเป็นอาหารจานเด็ดแกล้มเหล้าสนองกิเลส

   เพียงอาทิตย์เดี่ยวผ่านไปกรรมเริ่มคิดบัญชีสะสางทันที มันเกิดขึ้นเมื่อนายคำกำลังขึ้นมะพร้าวที่สวน เกิดพลาดร่างลอยละลิ่วตกลงมาหลังมาหลังฟาดกับคันดินขอบท้องร่อง อาการหนัก นายชาติตกจากต้นมะพร้าวสูงถึง ๑๒ เมตร ไม่มีผู้ใดเห็นเหตุการณ์ นายชาติคลานกลับบ้านด้วยความลำบากเพราะกระดูกหลังหัก ถึงบ้านก็ลุกไม่ได้ สลบอยู่หลายชั่วโมงจึงลุกขึ้นมา

   ลูกเมียมาเห็นจึงช่วยกันนำขึ้นบนบ้าน แต่เนื่องจากนายชาติเป็นคนมีฐานะดี จึงให้หมอมารักษาที่บ้านซึ่งต้องเข้าเฝือกที่สันหลัง นอนขยับขเยื่อนตัวไม่ได้ ญาติ ๆ ลงความเห็นว่าเป็นเพราะกรรมที่มันตามมาทัน ที่นายชาติได้ฆ่าเต่ามานักต่อนักแล้ว ถึงได้เป็นเช่นนี้ นายชาติไม่พอใจตวาดไปว่า

   “ รำคาญจริงโว้ย...ข้ากินเต่ามาตั้งแต่หนุ่มไม่เห็นเป็นอะไร กะอีแค่เต่าตัวใหญ่ตัวเดียว เป็นเรื่องพูดกันน่ารำคาญ มันจะสำคัญกันสักเท่าไหร่กันเชียว ”

   ญาติ ๆ นั้นรู้กันเต็มอก แต่ก็จนใจเพราะนายชาติเป็นคนหัวดื้อ และอาการก็ไม่ดีขึ้นเลย เขาอยู่ในสภาพเป็นอัมพาต จนเย็นวันหนึ่ง เกิดไฟลุกไหม้ท้วมบ้านของนายชาติ โดยเฉพาะตรงที่เขานอน ชาวบ้านพากันแตกตืนมาช่วยกันดับไฟกันโกลาหล กว่าจะดับไฟได้นายชาติก็เกือบกลายเป็นศพ ไฟไหม้ตามตัวพุพอง หนำซ้ำโครงหลังคาบ้านก็ได้หักลงมาตีหน้าจนดั้งจมูกหักอีก

   สภาพนายชาติตอนนี้เหมือนซากศพที่ยังหายใจได้ หลังจากเกิดเหตุแล้ว จึงพบว่าก่อนเกิดเหตุนายชาติคงได้ตะกุยตะกายจะหยิบสิ่งของ มือซึ่งประสาทควบคุมไม่ได้จึงไปปัดตะเกียงน้ำมันล้ม ไฟจึงลุกไหม้ที่เขานอน เหมือนกรรมมาซ้ำเติม แผลจากกระดูกยังไม่หาย ดั้งจมูกที่หักก็เริ่มเน่าเป็นหนอง สารพัดหมอทั้งหมอหลวง หมอชาวบ้านก็จนปัญญา

   โรคเกิดจากเวรกรรมนั้นไม่ว่าจะเยียวยาด้วยอะไรก็หายยากหรือไม่หายเลย เวลานอนก็ละเมอร้องโวยว่า เห็นเต่ามาคอยรับวิญญาณเต็มไปหมด หลังจากทรมานได้เดือนเศษ ๆ นายชาติทุรนทุรายเป็นที่น่าสงสารแก่ญาติ ๆ ก่อนจะสิ้นลมสภาพนั้นไม่แตกต่างอะไรกับเต่าที่เผ่าไฟ

   ยัง.....บัญชียังถูกสะสางอีกในอบายภูมิแน่นอน และจะต้องเกิดมาให้เขาเผาไฟเขาฆ่าเชือดคออีกจนกว่าจะครบวงจรกรรมที่สร้างไว้พร้อมดอกเบี้ยกรรม ตามกฏของกรรม.....