แมวอาฆาต
   ข้าพเจ้ามองดูซากลูกไก่ที่โดนเจ้าหัวขโมยมันแอบย่องมาคาบเอาไปกินเสีย ๓ - ๔ ตัว “อย่าให้เจอเชียวนะเองจะฟาดเสียให้คลานเชียว” ข้าพเจ้ามีบ้านอยู่แถวๆชานเมือง และเดี๋ยวนี้กลายเป็นกลางเมืองไปแล้ว ข้าพเจ้าได้รับเสื้อผ้าโหลมาเย็บ เอาญาติพี่น้องมาช่วยกัน หลังบ้านเป็นที่ว่างเปล่า ข้าพเจ้าจึงได้ซื้อลูกไก่นามาเลี้ยง เมื่อเกิดเหตุเช่นนี้ขึ้น ข้าพเจ้าคอยเฝ้าจับตาว่าไอ้เจ้าขโมยนั้นมันเป็นอะไรกันแน่

   ข้าพเจ้าเฝ้าอยู่ถึง เกือบอาทิตย์ จึงได้เห็นเจ้าหัวขโมย มันเป็นแมวสีสวาดตัวใหญ่ มันค่อย ๆ ย่องเงียบกริบเข้าหากรงไก่ช้า ๆ มองซ้ายมองขวาอย่างหวาดระแวง ข้าพเจ้าซุ่มมองมันอยู่เงียบ ๆ คอยหาจังหวะ ท่อนไม้ในมือกระชับมั่น เจ้าหัวขโมยมันไม่รู้ตัวมันยังคงย่องเข้าหาเหยื่อ เมื่อได้โอกาสข้าพเจ้าฟาดไม้ลงไปที่กลางหลังของมันเต็มแรง มันสะดุ้งขู่ฟู่กระโดดวิ่งไปข้างหน้า แล้วมันก็ตกลงไปในบ่อคลองน้ำ ข้าพเจ้าวิ่งตามไปดูก็เห็นมันตะเกียกตะกายด้วยขาหน้าส่วนขาหลังมันตกห้อย ข้าพเจ้ารู้ว่าหลังมันคงหัก

   ข้าพเจ้าใช้ไม้ช่วยให้มันขึ้นมาจากบ่อ มันกลับขู่และกัดท่อนไม้เป็นพัลวัน ตาของมันจ้องข้าพเจ้าเขม็งแยกเขี้ยวขู่ตลอดเวลา จนข้าพเจ้าหมั่นใส้อยากฟาดให้ด้วยไม้ให้ตายคามือนัก แต่ก็ทำไม่ลงจึงโยนไม้ทิ้งเดินกลับเข้าบ้าน คิดว่ามันคงเข็ด คงจะไม่มาขโมยลูกไก่มากินอีก

   แต่ข้าพเจ้าคิดผิด ถ้าฆ่ามันเสียแต่ตอนนั้น ข้าพเจ้าคงไม่ต้องมานั่งเสียใจจนถึงทุกวันนี้ ไอ้แมวนั้นมันหายไปเป็นเดือนจนข้าพเจ้าลืมไปแล้ว มันแอบมาตอนไหนไม่ทราบกลับมาคราวนี้มันไม่ได้มาขโมยไก่กินมันกลับพกความพยาบาทมาเล่นงานข้าพเจ้าโดยตรง วันนั้น ข้าพเจ้ากินข้าวเที่ยงเสร็จแล้วก็เดินออกไปที่หลังบ้าน แมวตัวนั้นมันมาจากไหนไม่รู้ข้าพเจ้าไม่ทันเห็น มันกระโจนเข้าใส่กลางหลังข้าพเจ้า ทั้งกัดทั้งข่วนจนข้าพเจ้ากระโดดโหยง แล้วเลือดก็ออกมาตามรอยที่เจ้าวายร้ายมันฝากไว้ มันกระโดดวิ่งหายเข้าไปป่าดงหญ้าทึบ ความเจ็บปวดแล่นเข้ามาข้าพเจ้ารีบเข้าบ้านไปหาหมอทำแผล หมดไปหลายตังค์

   ข้าพเจ้าถามหาเจ้าของแมวตัวนั้น เสาะถามเท่าไหร่ก็ไม่มีคนรู้จักดังนั้นข้าพเจ้าจึงออกตามล่ามันในพงหญ้า คิดว่ามันคงหลบซ่อนตัวอยู่แน่ ๆ ข้าพเจ้าถือปืนลูกซองกระชับมั่น ถ้าขืนปล่อยมันไปจะเป็นอันตรายกับคนอื่นและข้าพเจ้าด้วย แต่ไม่เห็นแม้แต่เงาไร้วี่แวว ยังกับมันรู้ตัวอย่างนั้นแหละ

   เมื่อหาไม่พบข้าพเจ้าก็ถอยออกมาตั้งหลักใหม่ สักวันคงได้เจอมันเข้าจนได้นั้นแหละ คราวหน้าจะไม่ปล่อยให้มันรอดมือไปได้ แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ประมาทคอยระวังตัวตลอดเวลา...แต่ฝ่ายจ้องกับฝ่ายระวังมันมีโอกาสผิดกัน ข้าพเจ้าพลาดเป็นครั้งที่สอง ไอ้วายร้ายมันซ่อนตัวอยู่ในก่อหญ้าเล็กๆข้างโอ่งน้ำ มันพุ่งเข้าสวนออกมากัดข่วนที่ขาข้าพเจ้าเตะสวนออกไป จนมันกระเด็นและวิ่งหายเข้าไปในพงหญ้า ข้าพเจ้ายกปืนแล้วกดเปรี้ยงตามไป มันชนะข้าพเจ้าอีกเพราะแม้แต่ลอยเลือดสักหยดก็ไม่เห็น นี่ยังดีนะที่ข้าพเจ้าใส่กางแกงยีนส์ไม่งั้นเนื้อคงจะหลุดออกมาเป็นกระจุก แต่ก็เรียกเลือดจากรอยแผลได้เหมือนเดิม

   ข้าพเจ้าจ้างเด็กแถวนั้น ช่วยกันถางหญ้าให้โล่งเตียน ย้ายโอ่งไปไว้หน้าบ้าน เพื่อป้องกันเจ้าวายรายมาลอบทำร้ายข้าพเจ้าอีกและประกาศให้รางวัลแก่ผู้ที่จับหรือฆ่าเจ้าแมวผีนั้นได้ คราวนี้มันหายไปนาน จนหญ้าที่ถางไว้ขึ้นรกเหมือนเดิม ข้าพเจ้าก็ตายใจว่ามันคงไม่มาแล้ว อ้อยเป็นน้องเมียที่มาช่วยเราเย็บผ้าและเป็นผู้ที่รับเคราะห์แทนผมอีกคน อ้อยกินข้าวเสร็จแล้วออกไปล้างจานหลังบ้านและเลยไปเอาข้าวให้ไก่กิน มันพุ่งออกจากพงหญ้ากัดข่วนเข้าที่น่องของอ้อย อ้อยตกใจร้องวี๊ดว้ายลั้น เจ้าแมวนรกมันกระโจนหนีเข้าไปพงหญ้าอีกตามเคย

   ข้าพเจ้าเพิ่มรางวัลเป็นเท่าตัวอีกถ้าใครรู้ที่แหล่งหลบซ่อนของมัน เย็นวันนั้นข้าพเจ้าไปซื้อปลาทูที่ตลาดและคลุกยาเบื่อเอาไปวางไว้ตามพุ้มกอหญ้าที่คิดว่ามันคงจะมากิน แล้วก็ได้ผล แต่ไม่ใช่เจ้าวายร้ายนั้นหรอกนะ ที่ตายคือหมาข้างบ้าน 2-3 ตัวที่รับเคราะห์แทน เจ้าของหมาตระโกนแช่งชักหักกระดูกคนทำ ว่าใจชั่วไม่กลัวปาบกลัวกรรม ถ้าเขารู้ว่าเป็นข้าพเจ้า...ไม่ยากนึกภาพเลย เพราะพี่แกเป็นนักเลงใหญ่ของที่นั่นด้วย

   แล้ววันอวสานของเจ้าแมวนรกนั้นมาถึงอย่างง่ายดาย โดยไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลย วันนั้นเป็นวันพระอ้อยกับเมียของข้าพเจ้าไปทำบุญที่วัด จึงได้พบกับมันโดยบังเอิญ แล้วรีบมาบอกข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้าไปถึงเห็นมันนอนหลับสบายอยู่ในวัดนี่นั่นเอง ข้าพเจ้าจ้างเด็กวัดให้ช่วยจับมันใส่กล่องหรอกว่าหนูที่บ้านของข้าพเจ้าชุกชุมมากอยากได้แมวไปปราบหนู เมื่อจับมันได้แล้วจัดการผูกกล่องมัดอย่างแน่นหนาเอาขึ้นรถกลับไปบ้านและรอให้ตะวันตกดินเสียก่อน พอฟ้ามืดข้าพเจ้าหิ้วกล่องเจ้าวายร้ายไปที่บ่อหลังบ้านมันคงจะรู้ชะตากรรม มันร้องตะกุยกล่องไปตลอดทาง ข้าพเข้าโยนมันลงไปในบ่อน้ำ เอาไม้ค้ำให้กล่องจม เสียงดิ้นโครมครามและฟองอากาศขึ้นสักประมาณ 5-7 นาทีก็สงบ

   หลังจากนั้นกิจการเย็บผ้าข้าพเจ้าก็ขาดทุนลงตามลำดับ จนต้องเลิกไปในที่สุด ข้าพเจ้ากับเมียต้องไปทำงานเป็นลูกจ้างในโรงงานอยู่หลายปีถึงได้เก็บเงินตั้งตัวได้ใหม่ คงจะเป็นเวร - กรรม ทันตาเห็นก็ได้ เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้ากับเมียได้เลี้ยงแมวเพื่อชดใช้หนี้กรรมที่ทำเอาไว้กับแมวตัวนั้น และก็ไม่ทราบว่าเจ้าวายร้ายนั้นมันกลับมาเกิดใหม่ เพื่อจองเวรกับข้าพเจ้าหรือเปล่า เพราะเจ้าลูกแมวตัวกระเปี๊ยก มันมีพฤติกรรมเหมือนกันไม่มีผิด และจากสายตาของมันที่มองข้าพเจ้า คิดแล้วเสียวสยอง...