พระเจ้าถังไทฮ่องเต้

    ครั้งหนึ่ง พระเจ้าถังไทจงฮ่องเต้ หรือ หลีซิบิ๋น จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ยุคต้นราชวงศ์ถัง เคยเสด็จสวรรคตไปคราวหนึ่ง วิญญาณล่องลอยไปยังเมืองผี ( ความเป็นมาของเรื่องนี้ยึดยาวมากขอรวบรัดเอาเฉพาะที่เกี่ยวกับเงินทองที่ผู้คนในโลกมนุษย์ส่งไปฝากไว้ในเมืองผีก็แล้วกัน )

    เมื่อเงี่ยมล่ออ๋องตรวจดูพบว่ายังไม่ถึงเวลาหมดอายุ จึงให้ส่งวิญญาณคืนสู่โลกมนุษย์ แต่ไหน ๆ มาแล้วควรทัศนาจรขุมนรกต่าง ๆ ให้ทั่วจึงสังให้ ทุยปัง สมุหบัญชีเมืองนรกเป็นผู้นำเสด็จพระเจ้าถังไทจงเสด็จชมขุมนรกต่าง ๆ จนมาถึงขุมนรกแห่งหนึ่ง

    มีพวกผีนรกที่แขนขาดขาขาดบ้างไม่มีศีรษะบ้างมาร้องทวงชีวิต ทั้งนี้ เพราะพระเจ้าถังไทจงสมัยเป็นคนธรรมดาเคยออกศึกสงครามฆ่าล้างผลาญชีวิตทหารเป็นอันมากเมื่อพวกเขาเหล่านี้ทราบว่าพระเจ้าถังไทจงมาเมืองผีจึงพากันมาร้องทวงชีวิต พระเจ้าถังไทจงถามทุยปังว่าจะแก้ไขอย่างไรดี ทุยปังกราบทูลให้เอาเงินอีแปะแจกจ่าย พวกผีนรกก็จะเปิดทางให้ พระเจ้าถังไทจงตรัสว่ามาแต่ตัวเปล่า ไม่มีเงินติดมาเลย

    ทุยปังจึงบอกว่ามีคนผู้หนึ่งยังมีชีวิตอยู่ แต่ส่งเงินมาฝากไว้ที่เมืองนรกหลายคลัง ขอให้พระองค์ทำหนังสือยืมเป็นหลังฐานลงชื่อไว้ ทุยปังจะรับประกันให้ เมื่อพระองค์กลับไปยังเมืองมนุษย์แล้วค่อยนำเงินไปจ่ายคืนแก่เจ้าของเงิน

   พระเจ้าถังไทจงถามว่าเจ้าของเงินผู้นี้เป็นใคร ทุยปังกราบทูลว่าเป็นข้าแผ่นดินของพระองค์ชื่อ เซียงเลี้ยง อยู่ที่แขวงเมืองห้อหนำเป็นผู้มีจิตใจเป็นกุศล มีเงินฝากไว้ในเมืองนรกถึง ๑๓ คลัง พระองค์ยืมมาสักคลังหนึ่งก็เหลือพอแล้ว

   พระเจ้าถังไทจงถึงทรงทำหนังสือยืมไว้เป็นหลักฐาน ทุยปังก็ลงนามค้ำประกัน แล้วให้นายคลังเบิกเงินของเซียงเลี้ยงคลังหนึ่งออกมากองไว้ พระะเจ้าถังไทจงก็เอาเงินนั้นแจกจ่ายแก่พวงผีนรก พวกผีนรกได้เงินแล้วก็ยอมเปิดทางให้พระเจ้าถังไทจงผ่านไปแต่โดยดี

   เมื่อพระเจ้าถังไทจงฟื้นคืนชีวิตและได้ทรงจัดการเรื่องราวต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว ก็ทรงรำลึกถึงเรื่องที่ยืมเงินของเซียงเลี้ยงเพื่อแจกจ่ายให้ผีนรกไปนั้น จึงรับสั่งให้ขุนนางชื่อ อวยชีจง เบิกเงินจากท้องพระคลังบรรทุกเกวียนไปยังเมืองห้อหนำ เพื่อชำระหนี้ให้แก่เซียงเลี้ยง อวยชีจงรับโองการไปปฏิบัต

    อันเซียงเลี้ยงนั้นเป็นผู้เฒ่าที่ซื่อตรงสุจริต มีภรรยาแต่ไม่มีบุตร ทำอาชีพค้าเตาอั้งโล้และโชห่วย เมื่อค้าขายได้กำไรก็ใช้จ่ายแต่พียงเล็กน้อย ส่วนที่เหลือก็เอาไปทำบุญทำทานและซื้อกระดาษเงินกระดาษทองเผาส่งไปฝากไว้ยังเมืองผีเป็นประจำ

    เมื่ออวยชีจงตามหาเซียงเลี้ยงพบก็นำเงินมอบให้ สองตายายตกใจมาก ไม่ยอมรับเงินไว้ แม้อวยชีจงจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังอย่างไรก็ตาม สองตายายก็ยังปฏิเสธท่าเดียว อวยชีจงให้จนใจจึงนำความกลับไปกราบบังคมทูลให้ทรงทราบ

   พระเจ้าถังไทจงจึงสรรเสริญว่าสองตายายนี้เป็นคนซื่อมีใจบุญเป็นกุศลแท้จริง แล้วรับสั่งให้อวยชีจงนำเงินนั้นไปสร้างวัด ปฏิสังขรณ์วัดวาอารามที่ชำรุดทรุดโทรม และสร้างที่พักคนเดินทาง อวยชีจงก็ปฏิบัติตามรับสั่งทุกประการ เมื่อเสร็จแล้วนำความขึ้นกราบบังคมทูลพระเจ้าถังไทจง

    พระเจ้าถังไทจงจึงพระราชทานนามวัดที่สร้างขึ้นว่า วัดเซียงก๊กยี่ ตามชื่อของเซียงเลี้ยง และให้ปลูกตึกอีกหลังหนึ่งทางด้านขวาของวัดนี้แล้วสลักชื่อเซียงเลี้ยงผัวเมียไว้บนแผ่นศิลา พร้อมทั้งให้จารึกชื่ออวยชีจงว่าเป็นผู้กำกับการสร้างวัดด้วยคนหนึ่ง