บันทึกของพี่ชาย ในชาติก่อนของเด็ก

   นาย เจ. ดี เมหระ แห่งบริษัทโมฮันบรัทเดอรส์ โมราดาบัด กล่าวว่า...

    “ ปรมานั้นท์ น้องชายของข้าพเจ้าอายุ ๓๙ ปี ตายด้วยโรคไส้ติงอักเสบในวันวันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๖ (ค.ศ. ๑๙๔๓) ที่สหรันปุระ ห่างจากโมราดาบัดประมาณ ๑๐๐ ไมล์ ส่วนปราโมท เด็กชายที่กล่าวถึงนี้ เกิดวันที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๗ (ค.ศ. ๑๙๔๔) ที่บิสเซาลี. เมื่อเด็กโตขึ้นก็เริ่มกล่าวถึงสิ่งต่าง ๆ ในชาติที่แล้ว , เป็นต้นว่า เขาจะพูดกับบิดาของเขาเมื่อให้ขนมปังว่า ท่านบิดาควรจะมีขนมปังจากร้านของตัวเอง และพูดว่าตัวเขาเองมีร้านขนมปังขนาดใหญ่ที่โมราดาบัด,เขาเคยอ้างถึงบุตร ๔ คน ธิดาคนหนึ่ง และภรรยาของเขา. เมื่อมารดาของเขาเตรียมอาหารให้ เขาจะพูดว่า “ ท่านจะจัดอาหารทำไม? ฉันมีภรรยาคนก่อนอยู่ เรียกเธอมาทำชี. ”

    “ เมื่อพวกเราขอร้อง จึงเป็นที่ตกลงกันว่าจะนำเด็กนี้ไปยังโมราดาบัดในวันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๑๙๔๘) ( สันอิสรภาพของอินเดีย ). ศรี การัมจันท์ พี่ชายคนใหญ่ของพวกเราได้เดินทางไปยังสถานีรถไฟเพื่อรับเด็กและบิดาของเด็ก. เมื่อนายบังกีย์ ลัล ก้าวลงจากสถานีรถไฟพร้อมกันเด็กปราโมท เด็กก็ชี้ตัวศรี การัมจันท์ ( พี่ชายใหญ่ในชาติก่อน ) ได้ถูกทั้งที่เขาปะปนอยู่ในกลุ่มคน โผเข้ามากอดเขาและไม่ยอมไปหาบิดาในชาติใหม่เมื่อมีผู้ถามว่า เขารู้จักคน ๆ นี้หรือ เขาตอบทันทีว่า “ รู้ซีเขาเป็นพี่ชายใหญ่ของฉัน ”

   “ เมื่อผ่านบริเวณทาวน์ฮอลล์ เด็กได้กล่าวขึ้นว่า นี่คือทาวน์ฮอลล์ อันเป็นคำอังกฤษซึ้งเด็กไม่เคยรู้มาก่อนเลยในเมืองเล็ก ๆ ที่เขาเกิดใหม่นั้น. เมื่อเด็กไปยังร้าน โชมุขฮาปุลเด็กก็จำตึกนั้นได้ทันที และกล่าวว่า เขาเคยได้อยู่ที่นั้น เมื่อเข้าไปในร้าน เขาได้ชี้ลูกสาวและลูกชายและสมาชิกในครอบครัวคนอื่น ๆ ได้ถูกต้อง เมื่อพาเด็กไปรอบ ๆ โรงงานทำขนมปัง เด็กได้พูดว่า “ เบเกอรี่ ” อันเป็นคำอังกฤษอีกคำหนึ่งซึ่งเขาไม่รู้จักมาก่อนเลย ในที่ที่เขาเกิดใหม่. เมื่อเข้าไปในครัว เขาได้พูดว่า เขาเคยนั่งบนเตียงไม้และสวดมนต์ที่นั้น ก่อนที่เขาจะเข้าไปในห้องนี้ เขาได้นมัสการสถานที่ที่เขาเคยนั่งทำสมาธิ.

   “ เมื่อเขาเห็นภรรยาของเขา ไม่มีรอยชาดที่หน้าผาก เขาได้ถามหล่อนว่าพินทุ ( จุดเครื่องหมาย ) ที่หน้าผากของเธอไปไหนเสีย. นี้เป็นเรื่องราวที่สำคัญของเด็กผู้มีอายุขนาดนี้... ”